ทุกคนคงทราบดีว่าการเริ่มต้นทำธุรกิจนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่คิด แต่ก็ไม่ได้ยากมากจนไม่สามารถเริ่มทำได้ เพียงแค่คุณมีความพร้อมในด้านต่างๆ และได้มีการศึกษาทำความเข้าใจทั้งในเรื่องการบริหารจัดการ การลงทุน การเงิน รวมไปถึงการจดทะเบียนการค้า ซึ่งในบทความนี้เราจะมาเจาะลึกในส่วนของ วิธีการจดทะเบียนการค้า เพื่อให้เจ้าของธุรกิจได้รู้แนวทางและขั้นตอนต่างๆ ก่อนที่จะจดทะเบียนธุรกิจ ไปดูพร้อมๆ กันดีกว่าจะต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง
ถาม : การจดทะเบียนการค้าคืออะไร ทำไมถึงสำคัญต่อธุรกิจ?
ตอบ : การจดทะเบียนการค้า หรือ การจดทะเบียนพาณิชย์ เป็นการจดทะเบียนกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้าเพื่อแสดงและยืนยันว่าธุรกิจถูกต้องตามกฎหมาย โดยจะต้องทำการจดทะเบียนการค้าภายใน 30 วัน นับตั้งแต่เริ่มประกอบธุรกิจ อีกทั้งยังเป็นการสร้างความน่าเชื่อถือให้กับลูกค้าว่าธุรกิจนั้นๆ ได้รับการจดทะเบียนอย่างถูกต้อง ซึ่งจะแบ่งการจดทะเบียนการค้าเป็น 2 รูปแบบ ได้แก่
-
- การจดทะเบียนการค้า สำหรับบุคคลธรรมดา
- การจดทะเบียนการค้า สำหรับนิติบุคคล
ในการจดทะเบียนการค้าส่งผลต่อความน่าเชื่อถือทางธุรกิจทั้งในด้านของการมีตัวตน เพิ่มความมั่นใจให้ลูกค้าในการซื้อขายได้ว่า หากสินค้าไม่ได้มาตรฐานหรือเกิดการชำรุดเสียหาย ลูกค้าสามารถเรียกร้องสิทธิ์ผู้บริโภคได้ อีกทั้งยังช่วยเพิ่มโอกาสในการขอสินเชื่อเพื่อลงทุนทางธุรกิจเพิ่มเติมได้อีกด้วย
ถาม : จดทะเบียนการค้า กับ จดทะเบียนพาณิชย์ ต่างกัน อย่างไร?
ตอบ : จดทะเบียนการค้ากับจดทะเบียนพาณิชย์คือสิ่งเดียวกัน เพราะจำว่าจดทะเบียนการค้า เป็นคำเดิมที่ใช้ก่อนหน้าและได้มีการเปลี่ยนแปลงมาเป็นคำว่า จดทะเบียนพาณิชย์ ในภายหลัง แต่ผู้คนจะเข้าใจในรูปแบบคำเดิมมากกว่าเนื่องจากความหมายที่ตรงตัว และสื่อสารได้ง่ายโดยไม่เป็นทางการมากนัก
ถาม : จดทะเบียนพาณิชย์ บุคคลธรรมดา ที่ไหน?
ตอบ : ต้องเข้าใจก่อนว่าก่อนทำการจดทะเบียนพาณิชย์ บุคคลธรรมดา หรือ การจดทะเบียนการค้า บุคคลธรรมดานั้น จะต้องตรวจสอบให้แน่ใจก่อนว่าธุรกิจที่ต้องการเปิดทำการนั้นอยู่ในเกณฑ์ของผู้ที่มีหน้าที่จดทะเบียนพาณิชย์หรือไม่ โดยกรมธุรกิจการค้ากระทรวงพาณิชย์ได้แบ่งไว้ทั้งหมด 5 ประเภท คือ
-
- บุคคลธรรมดาคนเดียว หรือ กิจการที่มีเจ้าของคนเดียว
-
- ห้างหุ้นส่วนสามัญ
-
- ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคลหรือห้างหุ้นส่วนจำกัด
-
- บริษัทจำกัดหรือบริษัทมหาชนจำกัด
- นิติบุคคลต่างประเทศที่มาตั้งสำนักงานสาขาภายในประเทศไทย
โดยสามารถยื่นจดทะเบียนพาณิชย์บุคคลธรรมดาได้ที่ สำนักงานเขตภายในกรุงเทพมหานคร (จดทะเบียนภายในเขตที่ธุรกิจตั้งอยู่เท่านั้น) สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง สำนักการคลัง และผู้ประกอบการที่มีธุรกิจตั้งอยู่ในต่างจังหวัด สามารถยื่นจดทะเบียนการค้าได้ที่เทศบาล หรือองค์การบริหารส่วนตำบลที่ธุรกิจตั้งอยู่
ถาม : จดทะเบียนการค้าออนไลน์ คืออะไร?
ตอบ : การจดทะเบียนการค้าออนไลน์ หรือ การจดทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ เป็นการจดทะเบียนผู้ที่เปิดธุรกิจขายของออนไลน์ ร้านค้าออนไลน์ ที่จะต้องทำให้ถูกต้องตามกฎหมาย กำหนดโดยกรมธุรกิจการค้ากระทรวงพาณิชย์ ซึ่งได้แบ่งการจดทะเบียนพาณิชย์ของร้านค้าออนไลน์ไว้ 2 ประเภท คือ
-
- ขายของออนไลน์บนโซเชียลมีเดีย
การขายออนไลน์ที่ไม่สามารถชำระเงินบนแพลตฟอร์มที่ทำการค้าขายได้ กรณีนี้สามารถรจดทะเบียนพาณิชย์บุคคลธรรมดา และทำการยื่นภาษีได้ตามปกติ
-
- ขายของออนไลน์บนเว็บไซต์
การขายออนไลน์ที่สามารถชำระเงินบนแพลตฟอร์มที่ทำการค้าขายได้ จะต้องทำการจดทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ พร้อมขอเครื่องหมาย DBD Registered เพิ่มเติม ซึ่งหากไม่กระทำให้ถูกต้องจะมีความผิดต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท และในกรณีที่ไม่ทำการจดทะเบียนอย่างต่อเนื่องจะโดนโทษปรับวันละไม่เกิน 100 บาท
ถาม : จดทะเบียนการค้า ใช้อะไรบ้าง?
ตอบ : เอกสารจดทะเบียนการค้า คือสิ่งสำคัญในการดำเนินการต่างๆ หากไม่เตรียมให้พร้อมก่อน อาจเสียเวลาในการจดทะเบียนและเกิดความยุ่งยากในการตามเอกสารระหว่างการดำเนินการ ดังนั้นเจ้าของธุรกิจควรศึกษาทำความเข้าใจลักษณะของกิจการให้ละเอียดก่อนเสมอ โดยการจดทะเบียนการค้า ประกอบด้วยเอกสารดังนี้
-
- แบบ ทพ. หรือ แบบคำขอจดทะเบียนพาณิชย์ ซึ่งสามารถดาวน์โหลดแบบฟอร์มได้จากเว็บไซต์กรมพัฒนาธุรกิจการค้า
- สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน
- สำเนาทะเบียนบ้านของผู้ประกอบการ
- หนังสือมอบอำนาจ (ถ้ามี)
- สำเนาบัตรประชาชนผู้รับมอบอำนาจ (ถ้ามี)
- หนังสือชี้แจง (ในกรณีที่เปิดธุรกิจมานานแล้ว และไม่ได้ยื่นจดทะเบียนภายใน 30 วันหลังจากเริ่มเปิดธุรกิจ)
ถาม : จดทะเบียนการค้า ต้องเสียภาษีไหม?
ตอบ : การจดทะเบียนการค้า หรือ จดทะเบียนพาณิชย์ จะต้องเสียภาษีเงินได้ตามประเภทบุคคลของผู้ที่ขอยื่นจดทะเบียน ในกรณีที่จดทะเบียนพาณิชย์ในนามบุคคลธรรมดา ผู้นั้นจะมีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา แต่ในกรณีที่จดทะเบียนพาณิชย์ในนามนิติบุคคล จะมีภาระหน้าที่ต้องภาษีเงินได้นิติบุคคล ซึ่งหากรายได้จากธุรกิจเกิน 1.8 ล้านบาท จะต้องทำการยืดจดทะเบียนเป็นผู้ประกอบการภาษีมูลค่าเพิ่มร่วมด้วย
การจดทะเบียนการค้านั้นจะต้องตรวจสอบเอกสารและยื่นขอจดทะเบียนการค้า โดยส่วนมากจะใช้เวลา 1 วัน ดังนั้นควรจัดการเวลาและเตรียมตัวให้พร้อม หากคุณคือเจ้าของธุรกิจที่มองว่าการจัดการเรื่องต่างๆ ด้วยตัวเองนั้นยุ่งยาก เอกสารมากมาย ไม่มีเวลาจัดการด้วยตัวเอง เราขอแนะนำให้คุณรู้จัก Fastwork แหล่งรวมฟรีแลนซ์ด้านการจดทะเบียนการค้าและงานสาขาอื่นๆ อีกมากมาย ด้วยประสบการณ์ที่สามารถตรวจเช็คก่อนจ้างงานได้ อีกทั้งสามารถพูดคุยปรึกษาได้ก่อนตัดสินใจ รับรองเลยว่าจะทำให้การจดทะเบียนการค้าของคุณกลายเป็นเรื่องงานได้ทันที