“จงระวังการใช้จ่ายแม้เรื่องเล็กน้อย เพราะรูรั่วเล็กๆ ก็ทำให้เรือทั้งลำจมได้”
เชื่อว่าหลายคนคงเคยได้ยินคำพูดนี้ผ่านหูหรือผ่านตากันมาบ้าง เพราะความหมายมันตรงตัวและสื่อออกมาได้อย่างชัดเจน สะท้อนเรื่องเงินให้คุณได้ตระหนักรู้ว่าหากคุณปล่อยปละละเลยกับค่าใช้จ่ายเล็กๆ เป็นระยะเวลานาน อาจทำให้การเงินของคุณแย่ลงได้ เสมือนกับเรือที่มีรอยรั่วเล็กๆ เมื่อไม่มีการซ่อมแซมอย่างทันเวลาแน่นอนว่าเรือลำนั้นต้องจมลงในไม่ช้าแน่ๆ
ฟังแบบนี้แล้วเราอยากชวนผู้อ่านทุกคนมาวางแผนการเงินส่วนบุคคล ด้วยเทคนิคมากมายที่สามารถนำไปปรับใช้ได้กับไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน ให้การเงินของคุณไม่มีรอยรั่วและสามารถต่อยอดดเงินของตัวเองให้งอกเงยได้มากยิ่งขึ้น
ทำไมต้องวางแผนการเงินส่วนบุคคล?
เงินซื้อความสุขไม่ได้ แต่ไม่มีเงินก็ซื้ออะไรไม่ได้เลย จริงไหม? เงินเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ชีวิตมีความมั่นคงและสุขสบาย อีกทั้งยังทำให้เป้าหมายในด้านต่างๆ ของชีวิตสำเร็จได้เช่นกัน ดังนั้น การวางแผนการเงินส่วนบุคคล จะช่วยให้คุณมีอิสรภาพทางการเงินที่ดีได้นั่นเอง เพราะเมื่อคุณมีการวางแผนที่เหมาะสมจะทำให้คุณรู้แนวทางการจัดการอย่างเป็นระเบียบ มีทิศทางในการบริหารเงินอย่างรอบคอบ และสามารถตัดสินใจเรื่องค่าใช้จ่ายต่างๆ ในชีวิตได้อย่างชาญฉลาดมากยิ่งขึ้นด้วย เช่น
-
- การจัดการกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในชีวิต เช่น ความเจ็บป่วย ว่างงาน อุบัติเหตุ
- การบรรลุเป้าหมายทางการเงิน เช่น ซื้อรถ ซื้อบ้าน การเกษียณอายุ
- ความมั่นคงในชีวิต เช่น ดูแลครอบครัว เลี้ยงดูบุตร สร้างมรดกให้กับทายาท

เทคนิคการวางแผนการเงินส่วนบุคคล
-
ประเมินฐานะการเงินที่แท้จริง
เริ่มต้นการมีนิสัยการเงินที่ดีด้วยการประเมินฐานะทางการเงินของตัวเองว่า แท้จริงแล้วการเงินส่วนบุคคลมีความมั่งคั่งสุทธิเป็นอย่างไร โดยสามารถคำนวณได้จาก
| สินทรัพย์ – หนี้สิน = ความมั่งคั่งสุทธิ |
ค่าที่ได้จะสะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนว่าคุณควรมีการวางแผนการเงินส่วนบุคคลในทิศทางใดเป็นอันดับแรก เพื่อให้สอดคล้องกับฐานะทางการเงินในปัจจุบันมากที่สุด และหลังจากนั้นจึงเป็นการวางเป้าหมายในอนาคตต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ
-
กำหนดเป้าหมายการเงินให้ชัดเจน
การกำหนดเป้าหมายทางการเงินคือขั้นตอนสำคัญอันดับแรกที่ทำให้การวางแผนการเงินของคุณชัดเจน เพราะเปรียบได้กับเข็มทิศชี้นำทางให้คุณสามารถเดินทางไปได้อย่างถูกต้องและบรรลุเป้าหมายได้อย่างตอบโจทย์ ไม่เพียงเท่านั้นยังเป็นการสร้างเส้นชัยให้คุณเห็นภาพได้มากขึ้น เพื่อการวางกระบวนการต่างๆ ได้อย่างรอบคอบยิ่งขึ้นด้วย โดยสามารถแบ่งเป้าหมายให้เป็นได้ทั้งเป้าหมายระยะยาว เป้าหมายระยะกลาง เป้าหมายระยะสั้นได้ ตัวอย่างเช่น เก็บเงินเพื่อการเกษียณ 10 ล้านบาท ภายใน 30 ปี (เป้าหมายระยะยาว) และ การเก็บเงินเพื่อซื้อคอมพิวเตอร์ใหม่ ภายใน 1 ปี (เป้าหมายระยะสั้น) เป็นต้น
-
วางแผนการเงินส่วนบุคคลด้วย S-M-A-R-T Goals
- S (Specific) เฉพาะเจาะจง
เป้าหมายที่ชัดเจน มีการระบุรายละเอียดอย่างครบถ้วนเพื่อให้เห็นภาพเป้าหมายและวางแผนกระบวนการไปถึงเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- S (Specific) เฉพาะเจาะจง
-
- M (Measurable) วัดผลได้
เป้าหมายการเงินส่วนบุคคลที่ดีควรวัดผลได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยการมีตัวชี้วัดที่ชัดเจน
- M (Measurable) วัดผลได้
-
- A (Achievable) บรรลุผลได้จริง
เป้าหมายจะต้องมีความเป็นไปได้ สามารถบรรลุผลที่ตั้งเป้าไว้ได้อย่างสมเหตุสมผล ไม่เป็นเพียงแค่การตั้งเป้าที่เกินความเป็นจริงจนเกินไป
- A (Achievable) บรรลุผลได้จริง
-
- R (Relevant) มีความเกี่ยวข้อง
เป้าหมายการวางแผนการเงินส่วนบุคคลควรสอดคล้องกับเป้าหมายระยะยาว หรือ เป้าหมายระยะสั้นที่ได้ตั้งไว้ โดยมีความเกี่ยวข้องกันอย่างสอดคล้องเกี่ยวข้องกัน
- R (Relevant) มีความเกี่ยวข้อง
-
- T (Time-bound) กำหนดเวลา
เป้าหมายที่ดีควรมีกรอบเวลาที่ชัดเจนด้วยการกำหนดระยะเวลาที่มีสอดคล้องกับเป้าหมาย สามารถทำได้จริงโดยไม่เป็นการกดดันตัวเองมากจนเกินไป
- T (Time-bound) กำหนดเวลา

-
จัดทำบัญชีค่าใช้จ่ายส่วนตัวและบัญชีการออมเงินอย่างจริงจัง
การวางแผนการเงินส่วนบุคคลที่ดีควรมีการแยกบัญชีค่าใช้จ่ายส่วนตัว และ บัญชีเงินออมเงินอย่างจริงจัง เพื่อให้การจดบันทึกรายรับรายจ่ายมีความคล่องตัวมากกว่า ซึ่งคุณจะต้องทำรายรับรายจ่ายทุกครั้งเมื่อมีการใช้จ่ายต่างๆ ในชีวิตประจำวัน โดยทำการแบ่งเงินออกไปฝากในบัญชีเงินเก็บอย่างสม่ำเสมออย่างน้อย 10% ย้ำว่าควรทำให้เป็นนิสัยทุกๆ เดือน และที่สำคัญอย่างยิ่งคือต้องไม่นำเงินส่วนนั้นมาใช้เด็ดคาด เว้นแค่ในกรณีที่มีเหตุการณ์ฉุกเฉินหรือมีความจำเป็นจริงๆ เท่านั้น วิธีนี้จะทำให้เกินวินัยในการเก็บเงินมากยิ่งขึ้นอีกทั้งยังเป็นการจำกัดการใช้จ่ายและลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นได้อีกทางด้วยเช่นกัน
-
เตรียมเงินสำรองฉุกเฉินให้พร้อมเสมอ
การเตรียมเงินสำรองฉุกเฉินเรียกได้ว่าเป็นเงินก้อนสำคัญที่นักวางแผนการเงินส่วนบุคคลต้องมี เพราะเป็นเงินที่ช่วยให้การเงินของคุณมีเข็มขัดนิรภัย ไม่ตกอยู่ในอันตรายที่หนักเกินรับได้ กล่าวคือหากสถานการณ์การเงินของคุณกำลังตกอยู่ในอันตราย เงินก้อนนี้จะประคองการเงินของคุณไว้ได้ดีกว่าคุณไม่มีเงินสำรองเลยแม้แต่นิดเดียว โดยคำนวณเงินสำรองได้จากรายจ่ายเฉลี่ยต่อเดือนของคุณ แล้วคิดเป็น 6-12 เดือน เช่น ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยรายเดือนคือ 15,000 บาท ดังนั้นควรมีเงินสำรองฉุกเฉินที่ 90,000 บาทขึ้นไป ทั้งนี้สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความเสี่ยงหรือความสามารถด้านการเงินของแต่ละบุคคล

-
บริหารจัดการหนี้ให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด
หนี้เป็นส่วนหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับการวางแผนการเงินส่วนบุคคลที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ดังนั้นคุณควรทำความเข้าใจสถานการณ์หนี้ของคุณทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นรายการหนี้ทั้งหมด จำนวนยอดหนี้ รวมไปถึงอัตราดอกเบี้ยต่างๆ เพื่อนำมาวิเคราะห์และจัดการชำระได้อย่างเหมาะสม โดยเลือกชำระหนี้ที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงสุดก่อน ทั้งนี้ควรชำระหนี้ให้ตรงเวลาและสม่ำเสมอตามกำหนด เพื่อให้มีประวัติการชำระที่ดีรวมไปถึงส่งผลดีต่อสุขภาพการเงินที่ดีด้วยเช่นกัน
-
สร้างช่องทางเพิ่มรายได้มากกว่า 1 ทาง
เมื่อมีการวางแผนการเงินส่วนบุคคลที่ดีแล้ว อย่าลืมที่จะสร้างช่องทางการเพิ่มรายได้ให้มากกว่า 1 ทาง หากคุณทำงานประจำอาจหาเวลาทำสิ่งที่ชื่นชอบนอกเวลางาน เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับคุณมากยิ่งขึ้น เช่น การรับงานฟรีแลนซ์ การขายสินค้าออนไลน์ การทำธุรกิจขนาดเล็ก ฯลฯ สิ่งนี้อาจเป็นแรงผลักดันดีๆ ที่ทำให้คุณมีอิสรภาพทางการเงินได้อย่างไม่คาดคิดก็ได้
ทั้งหมดนี้เป็นเทคนิควางแผนการเงินส่วนบุคคลที่จะช่วยจัดการเงินของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งสามารถศึกษาทำความเข้าใจเองได้ในแบบฉบับของคุณ แต่หากต้องการผู้เชี่ยวชาญให้คำปรึกษาโดยตรง เพื่อให้คุณภาพการเงินปรับเปลี่ยนได้อย่างเห็นได้ชัด สามารถใช้บริการมืออาชีพจาก Fastwork ได้ ด้วยราคาที่คุ้มค่า ฟรีแลนซ์ตรวจสอบได้ รวมไปถึงประกันเงินจ้างงานจนกว่าจะได้รับงานที่คุณพอใจ โดยไม่ต้องตามหานักวางแผนการเงินที่น่าเชื่อถือให้เสียเวลา

