การร่างสัญญาเป็นสิ่งที่ต้องเผชิญอย่างเลี่ยงไม่ได้เมื่อเข้าสู่วัยทำงานหรือบรรลุนิติภาวะแล้ว เนื่องจากการร่างสัญญาเป็นสิ่งสำคัญในทุกช่วงชีวิต อาทิ สัญญาการจ้างงาน สัญญาการเช่าห้อง/หอพัก สัญญาการกู้ยืม และสัญญาอื่น ๆ อีกมากมาย ดังนั้นการเรียนรู้เกี่ยวกับการร่างสัญญาเบื้องต้นเอาไว้ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหาย ยิ่งถ้าหากคุณเข้าสู่ช่วงวัยที่สามารถทำสัญญาด้วยตนเองได้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นในฐานะผู้ร่างสัญญาหรือคู่สัญญาก็จำเป็นที่จะต้องรู้ เพื่อป้องกันไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามใช้ช่องโหว่จากสัญญามาเอารัดเอาเปรียบเรา เพื่อป้องกันความล้มเหลวหรือข้อพิพาทที่เกิดจากสัญญาไม่เป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย และเพื่อให้สัญญาเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดเอาไว้ได้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์
การร่างสัญญาด้วยตนเองนั้น จำเป็นจริงหรือ?
เมื่อกล่าวถึงการร่างสัญญา ทุกคนก็คงจะคิดว่าเราจะทำเองไปทำไม ในเมื่อทุกวันนี้ก็มีตัวอย่างการร่างสัญญาให้พบเห็นมากมายบนอินเทอร์เน็ต เพียงแค่เปลี่ยนหัวข้อเปลี่ยนชื่อ หรือเพิ่มเงื่อนไขของตัวเองเข้าไปเล็กน้อยแล้วพิมพ์ออกมา ก็กลายเป็นหนังสือสัญญาได้แล้ว
แต่ถ้าหากคุณไม่รู้เกี่ยวกับการร่างสัญญาเลย แล้วแค่จะลักเอาจากอินเทอร์เน็ตเพียงอย่างเดียว บอกเลยว่าก็มีใครหลายคนที่พลาดเพราะไม่ได้ตรวจสอบสัญญาสำเร็จรูปเหล่านั้นมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นข้อบังคับที่มีช่องโหว่ให้อีกฝ่ายเอาเปรียบ เอาผิดทางกฎหมายไม่ได้ด้วยสัญญาที่ไม่เป็นธรรมตั้งแต่แรก และอื่น ๆ อีกมากมายที่ต้องกลายเป็นข้อพิพาทกันในชั้นศาลต่อไป
ดังนั้น การร่างสัญญาด้วยตนเองให้เป็น รู้วิธีตรวจสอบสัญญาเบื้องต้นว่าเป็นไปตามที่ข้อกฎหมายกำหนด และมีเงื่อนไขที่มีความเป็นธรรมต่อทั้งสองฝ่าย จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรพลาด ซึ่งในบทความนี้ทางเราก็จะพาทุกคนมารู้จักกับการร่างสัญญาเบื้องต้น เพื่อให้อย่างน้อยคุณก็สามารถจะรู้ได้ว่าสัญญาแบบไหนผิดหรือถูก สัญญาแบบไหนถึงจะถูกต้องตามข้อบังคับ และส่วนสำคัญในสัญญามีครบถ้วนหรือไม่ประการใด
ข้อสำคัญของการร่างสัญญา ประกอบด้วยอะไรบ้าง
ถึงแม้ว่าจุดประสงค์ของสัญญานั้นจะสามารถมีได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการเช่า-ยืม การกู้ยืม ค้ำประกัน ประกันภัย ฯลฯ แต่ข้อสำคัญโดยรวมของสัญญาจะไม่เปลี่ยนไป ดังต่อไปนี้
-
ชื่อสัญญา
สิ่งแรกที่ควรมีในการร่างสัญญาคือชื่อของสัญญา เพื่อใช้จำแนกและระบุประเภทของสัญญาต่าง ๆ ออกจากกันให้ชัดเจน โดยปกติจึงมักจะอยู่บรรทัดแรกกลางหน้ากระดาษ ให้คู่สัญญาทั้ง 2 ฝ่ายรับรู้อย่างชัดเจนว่าเป็นสัญญาที่ถูกทำขึ้นเพื่ออะไร
-
สถานที่
ต่อมาคือสถานที่ในการทำสัญญาหรือเขียนสัญญา โดยสถานที่นั้นอาจอยู่ในบรรทัดที่ 2 แนวชิดขวาของสัญญา แต่ในบางสัญญาก็อาจระบุไว้ในเนื้อหาของสัญญาเลยก็ได้ แต่ทั้งนี้ต้องมีการกล่าวถึงสถานที่ในการทำสัญญาอย่างชัดเจน
-
วันเดือนปีที่ทำสัญญา
วันเดือนปีที่ทำสัญญาถือว่าเป็นสิ่งที่มีความสำคัญเป็นอย่างมาก เนื่องจากวันที่ทำสัญญานั้นสามารถเป็นวันที่สัญญามีผลบังคับใช้เลยก็ได้ และมีผลต่อการพิจารณาว่าสัญญานั้นหมดอายุความไปหรือยัง โดยทั่วไปแล้ววันเดือนปีที่ทำสัญญามักจะอยู่บรรทัดที่ 3 ตรงกลางหน้ากระดาษ ซึ่งการเขียนวันเดือนปีที่ทำสัญญานั้นไม่มีกำหนดว่าจะต้องใช้พุทธศักราชหรือคริสต์ศักราช แต่ถ้าหากคุณเขียนอย่างใดอย่างหนึ่งไปแล้ว ควรจะเขียนศักราชตามนั้นไปจนจบการร่างสัญญา เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความสับสนและความผิดพลาดเมื่อเกิดอะไรขึ้นกับสัญญาฉบับนั้น
-
คู่สัญญา
มีเพียงสัญญาบางประเภทเท่านั้นที่เป็นการระบุคู่ความเพียงฝ่ายเดียว แต่โดยส่วนใหญ่แล้วเมื่อมีการร่างสัญญาก็ต้องมีคู่สัญญา (ฝ่ายตรงข้าม) ซึ่งจำเป็นจะต้องระบุรายละเอียดต่าง ๆ ของคู่สัญญาเอาไว้ให้ชัดเจนเท่าที่จะทำได้ ไม่ว่าจะเป็นชื่อ ที่อยู่ หมายเลขบัตรประชาชน ภูมิลำเนา ผู้มีอำนาจแทนตัว ฯลฯ
-
ข้อกำหนดหรือข้อตกลง
การร่างสัญญาคือการสัญญาว่าจะมอบสิ่งใดสิ่งหนึ่งให้อีกฝ่ายเป็นลายลักษณ์อักษร ดังนั้นคุณควรจะร่างสัญญาหรือตรวจสอบข้อกำหนดหรือข้อตกลงต่าง ๆ ในสัญญาอย่างละเอียดเท่าที่จะทำได้ ตัวอย่างเช่น เมื่อทำสัญญาแล้วจะมีข้อบังคับใช้เมื่อไร มีการชำระหนี้อย่างไร มีดอกเบี้ยเท่าไร หรือต่างฝ่ายต่างอยากเพิ่มข้อตกลงของตนเองก็สามารถทำได้ หากอีกฝ่ายยินยอม
-
บทสรุปโดยยินยอม
บทสรุปของการร่างสัญญาโดนส่วนใหญ่จะเป็นย่อหน้าสุดท้าย และมีการเขียนเหมือน ๆ กันว่า สัญญาฉบับนี้ถูกทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ใด และคู่สัญญาทั้งสองฝ่ายได้อ่านทำความเข้าใจ รวมถึงยินยอมปฏิบัติตนให้เป็นไปตามสัญญาดังกล่าวทุกประการ (หากมีพยานก็สามารถเขียนเพิ่มว่า สัญญาฉบับนี้ถูกทำขึ้นหรือลงลายมือชื่อไว้ต่อหน้าพยาน) ถึงแม้การร่างสัญญาทุกฉบับจะเขียนประมาณนี้เหมือนกัน แต่ก็เป็นส่วนสำคัญที่ขาดไม่ได้เพื่อให้สัญญามีความสมบูรณ์
-
ลายมือชื่อของคู่สัญญา และพยาน
ท้ายสุดของการร่างสัญญา และท้ายสุดของหน้ากระดาษ ควรจะเป็นลายมือชื่อของคู่สัญญาทั้งสองคน หากมีพยานก็ลงลายมือชื่อของพยานด้วย เพียงเท่านี้ผลของสัญญาก็ถูกบังคับใช้ทันที หรือเมื่อถึงเวลาตามที่ได้กำหนดไว้ในสัญญาทันที
โดยทั้งหมดที่ทางเราได้กล่าวไปจำนวน 7 ประการ คือสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้สำหรับการร่างสัญญา แต่ถ้าหากคุณอยากที่จะได้สัญญาละเอียดกว่านี้ ต้องการข้อเสนอแนะเกี่ยวกับข้อกำหนดหรือข้อตกลงในสัญญา หรือต้องการที่ปรึกษาก่อนที่คุณจะลงลายมือตัวเองลงในสัญญาของอีกฝ่าย ก็ต้องขอแนะนำฟรีแลนซ์มืออาชีพบนเว็บไซต์ Fastwork ซึ่งจะเป็นฟรีแลนซ์ที่สามารถให้ความช่วยเหลือคุณได้ทุกอย่างที่กล่าวมาอย่างแน่นอน