การจัดการและจัดรูปแบบบรรณานุกรมที่เป็นระเบียบเป็นสิ่งสำคัญสำหรับโครงการวิจัยและเล่มรายงานทุกแบบนะ การทำบรรณานุกรมที่ดีจะช่วยให้ผู้อ่านสามารถค้นหาและสำรวจแหล่งข้อมูลที่คุณใช้และให้เครดิตแก่แหล่งข้อมูลอ้างอิงต้นฉบับอีกด้วย แต่ว่าการจัดหน้าบรรณานุกรมก็เป็นเรื่องที่ค่อนข้างยุ่งยาก ซับซ้อนและไม่ใช่ใครก็ทำได้ ในโพสต์นี้เลยอยากแชร์เคล็ดลับและเครื่องมือเพื่อทำให้การจัดการบรรณานุกรมเป็นเรื่องง่ายสำหรับทุกคน!
7 เคล็ดลับการทำ บรรณานุกรมอย่างง่าย
1.เริ่มจัดเรียนข้อมูลต้นตั้งแต่ต้นและคอยเพิ่มตลอดระยะเวลาทำงาน
เริ่มจัดเรียงแหล่งข้อมูลตั้งแต่เริ่มโครงการเลย โดยสร้างระบบในการติดตามแหล่งที่มาและข้อมูลอ้างอิงที่ใช้ในรายงานแบบคร่าวๆ เช่น ชื่อผู้เขียน ชื่อเรื่อง วันที่ และหมายเลขหน้าที่เกี่ยวข้อง โดยอาจจะเขียนรายละเอียดคร่าวๆ เท่าที่จำเป็นก่อนจะไปปรับแต่งตอนท้ายของการทำบรรณานุกรม
2.เลือกสไตล์การอ้างอิงที่เหมาะสม
การทำบรรณานุกรมนั้นจำเป็นต้องเลือกแนวทางการอ้างอิงวิชาการและสถาบันการศึกษาต่างๆ ที่เหมาะสมด้วย โดยแต่ละสถาบันจะมีรูปแบบการอ้างอิงที่เฉพาะเจาะจงแตกต่างกันไป (เช่น APA, MLA, Chicago) แต่ว่าพวกเราควรทำความคุ้นเคยกับหลักการของแต่ละสไตล์ไว้คร่าวๆ หรือหาข้อมูลจากเว็บไซต์เพิ่ม เช่น Purdue Online Writing Lab (OWL) และเครื่องมือสร้างการอ้างอิงเช่น EasyBib สามารถช่วยในการจัดรูปแบบการอ้างอิงได้อย่างถูกต้อง ไม่ว่าจะสไตล์ไหนๆ
3.ใช้ซอฟต์แวร์ช่วยในการจัดการแหล่งอ้างอิง
ลองใช้ซอฟต์แวร์หรือโปรแกรมช่วยจัดการแหล่งอ้างอิงก็ได้ เพื่อให้สะดวกในกระบวนการจัดการบรรณานุกรม ลองใช้เครื่องมืออย่าง Zotero, Mendeley หรือ EndNote ที่จะช่วยจัดระเบียบ ทำเครื่องหมาย และอ้างอิงแหล่งข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ และง่ายมากๆ แค่ติดตั้งเชื่อมต่อกับ Internet Browser ก็สามารถเริ่มสร้างหน้าบรรณานุกรมและแหล่งอ้างอิงได้เลย
4.รักษาการจัดรูปแบบอย่างสม่ำเสมอ
รักษาการจัดรูปแบบอย่างสม่ำเสมอในทั้งหมดของบรรณานุกรมของคุณ ให้คำนึงถึงองค์ประกอบเช่นตัวพิมพ์ใหญ่ ตัวเอียง และเครื่องหมายวรรคตอน ความสม่ำเสมอช่วยรักษาความเป็นมืออาชีพของบรรณานุกรม
5.รวมข้อมูลที่เกี่ยวข้อง
เมื่อระบุแหล่งข้อมูล รวมข้อมูลที่จำเป็นทั้งหมดเพื่อให้ผู้อ่านสามารถค้นหาได้ นี้ส่วนใหญ่รวมถึงชื่อผู้เขียน ชื่อเรื่อง ข้อมูลการตีพิมพ์ และหมายเลขหน้าสำหรับแหล่งข้อมูลพิมพ์ เมื่อเป็นแหล่งข้อมูลออนไลน์ ให้ระบุ URL หรือตัวระบุวัตถุดิบดิจิทัล (DOIs) เพื่อให้ง่ายต่อการตรวจสอบและค้นหา
6.ตรวจสอบและตรวจทาน
ก่อนที่ปิดงานหน้าบรรณานุกรม ผู้ทำโครงการควรตรวจสอบรายละเอียดและแหล่งอ้างอิงทุกรายการอีกครั้งว่าถูกต้องและครบถ้วนไหม มีข้อมูลที่ไหนหายไปหรือเปล่า หรือมีการจัดรูปแบบที่ไม่ถูกต้อง หรือข้อผิดพลาดในการสะกดหรือไม่
7.อัปเดตข้อมูลอยู่เรื่อยๆ ตลอดการทำงาน
เมื่อโครงการหรืองานวิจัยได้ทำต่อไป ก็ควรมีการอัปเดตรายการบรรณานุกรมของด้วย ไม่ว่าจะเป็นการการเพิ่มแหล่งข้อมูลใหม่และลบแหล่งข้อมูลที่ไม่ใช้หรือไม่เกี่ยวข้องออก การอัปเดตรายการบรรณานุกรมของคุณตลอดกระบวนการวิจัยช่วยประหยัดเวลาในอนาคตและรักษาความถูกต้องของงานในระยะยาวได้
การทำหน้าบรรณานุกรมที่อย่างเป็นระเบียบ ไม่ได้ยากอย่างที่คิดและยังช่วยให้ผู้อ่านสามารถสำรวจแหล่งข้อมูลที่คุณใช้ได้ ด้วยเทคนิคอย่างการ เริ่มเก็บแหล่งอ้างอิงต้นตั้งแต่ต้น เลือกใช้เครื่องมือที่ถูกต้อง รักษาความสม่ำเสมอในการทำหน้าบรรณานุกรม และอัปเดตรายการบรรณานุกรมอย่างสม่ำเสมอ เท่านี้หน้าบรรณานุกรมของเล่มรายงานก็จะสวยงาม ถูกต้องและตรวจสอบได้ง่ายๆ เลย