แนะนำ 5 โปรแกรมตัดต่อวิดีโอ 2023 ที่ใคร ๆ ก็ใช้งานได้

แนะนำ 5 โปรแกรมตัดต่อวิดีโอ 2023 ที่ใคร ๆ ก็ใช้งานได้

          ยุคสมัยปัจจุบันการตัดต่อวิดีโอ ถือเป็นทักษะที่ทุกคนควรมีติดตัว เพราะเนื้อหาที่อยู่ในรูปแบบวิดีโอมีคนให้ความสนใจเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะวิดีโอสั้น ๆ หรือวิดีโอยาว ๆ ผู้คนก็นิยมเลือกติดตามเนื้อหาวิดีโอมากกว่าการอ่าน นอกจากนี้การตัดต่อวิดีโอสามารถสร้างรายได้ให้กับคุณได้จริง โดยสามารถนำไปลง Social Media เช่น Instagram Reel, YouTube Short หรือจะนำไปใช้เป็น Marketing Online ได้เช่นกัน

          ดังนั้นหากใครที่สนใจตัดต่อวิดีโอ หรือกำลังมองหาโปรแกรมตัดต่อวิดีโอ ภายในบทความนี้เราจะมานำเสนอ 5 โปรแกรมตัดต่อวิดีโอ 2023 ซึ่งเป็นโปรแกรมที่ใคร ๆ ก็ใช้งานได้ และเพื่อไม่เป็นการเสียเวลา เราไปรับชมเนื้อหาด้านล่างพร้อม ๆ กันเลย

การตัดต่อวิดีโอมีความสำคัญอย่างไร?

          อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่า ในยุคสมัยที่เนื้อหาวิดีโอเป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก เพราะเป็นช่องทางสื่อสารที่มีอิทธิพลมากที่สุด ซึ่งกระบวนการตัดต่อวีดีโอจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม แน่นอนว่าหลาย ๆ คนต้องสงสัยแล้วว่าทำไมการตัดต่อวิดีโอถึงมีความสำคัญขนาดนั้น? ดังนั้นเราจะมาทำความเข้าใจถึงความสำคัญของการตัดต่อวิดีโอ ดังนี้

1. สร้างความน่าสนใจในการตัดต่อวิดีโอ

หากต้องสร้างเนื้อหาผ่านวิดีโอ แน่นอนว่าสามารถสร้างความน่าสนใจให้กับเนื้อหาได้เป็นอย่างดี เนื่องจากกระบวนการตัดต่อวิดีโอ คุณสามารถเลือกใช้เอฟเฟกต์ เพิ่มข้อความ สลับฉาก เลือกใช้เสียงประกอบ และอื่น ๆ ซึ่งสิ่งที่เรากล่าวมานั้นจะเพิ่มความน่าสนใจให้แก่ผู้รับชมเนื้อหาได้นั่นเอง

2. เพิ่มคุณค่าให้กับเนื้อหา

การตัดต่อวิดีโอไม่เพียงแต่จะปรับปรุงคุณภาพของภาพแสดงผลและเสียงเท่านั้น แต่ยังเป็นวิธีในการเพิ่มคุณค่าเนื้อหาให้กับผู้ชม ด้วยการตัดต่อและใช้โปรแกรมตัดต่อวิดีโอที่ดี ซึ่งการตัดต่อวิดีโอสามารถเพิ่มคุณค่าให้กับเนื้อหา โดยใส่ข้อความประกอบ สถิติ หรือกราฟแผนภูมิ และใช้เอฟเฟกต์เสียงประกอบหรือใส่เพลง ช่วยสร้างอารมณ์บรรยากาศให้ผู้รับชมมีอารมณ์คล้อยตามได้ง่ายขึ้น

3. เล่าเรื่องราวได้หลายมุม

การใช้โปรแกรมตัดต่อวีโอไม่เพียงแต่ช่วยให้คุณสื่อสารข้อความหรือเนื้อหาได้ชัดเจนเท่านั้น แต่ยังเปิดโอกาสให้คุณได้เล่าเรื่องราวได้หลายมุมมอง ซึ่งสามารถเล่าเรื่องราวผ่านมุมกล้อง และทักษะการตัดต่อวิดีโอของแต่ละคน เพื่อช่วยให้ผู้ชมเข้าถึงเนื้อหาได้หลากหลาย และรู้สึกไว้วางใจที่จะอยากรับชมเนื้อหาต่อ ๆ ไปในอนาคตอีกด้วย

4. เป็นช่องทางการตลาด

วิดีโอที่ถูกตัดต่ออย่างมืออาชีพสามารถสร้างความน่าเชื่อถือ และเพิ่มความสนใจให้กับผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งผู้รับชมสามารถส่งต่อหรือแชร์วิดีโอให้กับคนอื่น ๆ ช่วยเพิ่มโอกาสจากผู้ชมเปลี่ยนมาเป็นลูกค้าได้อีกด้วย ถือเป็นช่องทางการตลาดที่ไม่ควรมองข้ามเลยทีเดียว

5. ประหยัดเวลา

สำหรับการตัดต่อวิดีโอช่วยประหยัดเวลาทั้งผู้สร้างและผู้รับชม เพราะผู้สร้างสามารถจัดเรียงเนื้อหาหรือข้อมูลที่ต้องการสื่อสาร ให้มีระยะเวลาสั้นลง แต่ยังคงความหมายและความถูกต้องเอาไว้ ทำให้กลุ่มเป้าหมายไม่ต้องอ่านเนื้อหาบทความด้วยตนเอง เพียงรับเนื้อหาผ่านวิดีโอก็สามารถทำความเข้าใจเนื้อหาได้อย่างรวดเร็ว

โปรแกรมตัดต่อวิดีโอ

แนะนำ 5 โปรแกรมตัดต่อวิดีโอ ใช้งานง่าย ใคร ๆ ก็ใช้ได้

          เมื่อทราบถึงความสำคัญของการตัดต่อวิดีโอแล้ว การเลือกใช้โปรแกรมตัดต่อวิดีโอให้เหมาะสมนั้น ก็เป็นปัจจัยที่สำคัญไม่ควรมองข้ามเช่นกัน ดังนั้นขอแนะนำ 5 โปรแกรมตัดต่อวิดีโอที่ใช้งานง่าย เป็นที่นิยมในไทย ใคร ๆ ก็ใช้ได้ในปี 2023 ดังต่อไปนี้

1. โปรแกรมตัดต่อวิดีโอ Adobe Premiere Pro

          Adobe Premiere Pro เป็นโปรแกรมตัดต่อวิดีโอที่ได้รับความนิยมมาเป็นเวลานาน ไม่ว่าจะมือใหม่หรือมืออาชีพก็นิยมใช้โปรแกรมตัวนี้กันค่อนข้างเยอะ เนื่องจากมีทุกสิ่งที่คุณต้องการ เช่น การใส่เอฟเฟกต์ ใส่เสียงประกอบ หรือต้องการความอลังการในวิดีโอ Premiere Pro ก็สามารถทำได้ง่าย ๆ นอกจากนี้ยังหาข้อมูลเกี่ยวกับการใช้งานได้ง่าย เพราะมี Knowledge Community ทั้งในไทยและต่างประเทศ อีกทั้งรองรับการใช้งานทั้ง Windows และ MacOS

จุดเด่น

  • โปรแกรมตัดต่อที่มีคุณสมบัติครบครัน จบภายในโปรแกรมเดียว และรองรับการ Export ไฟล์วิดีโอมีความละเอียดสูงได้
  • รองรับการใช้งานกับโปรแกรมอื่น ๆ เช่น Photoshop, After Effect เป็นต้น
  • มี Community ทั้งในไทยและต่างประเทศ ทำให้หาข้อมูลวิธีใช้งานและแก้ปัญหาได้ง่าย ๆ

ข้อสังเกต

  • หากมือใหม่เริ่มต้นใช้งาน จำเป็นต้องเรียนรู้และศึกษารายละเอียดพอสมควร
  • ทดลองใช้งานฟรี 7 วัน และต้องเสียค่าใช้จ่ายประมาณ 800 บาท/เดือน

2. โปรแกรมตัดต่อวิดีโอ Vegas Pro

          โปรแกรมตัดต่อ Vegas Pro ลักษณะการใช้งานใกล้เคียงกับ Premiere Pro เหมาะกับนักตัดต่อมืออาชีพ แต่รับรองว่าเพียงแค่มีโปรแกรมตัวนี้ตัวเดียวก็สามารถรังสรรค์ผลงานได้ง่าย ๆ และโปรแกรมนี้ได้รับความนิยมในหลาย ๆ กลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่เพิ่งเริ่มต้น หรือแม้แต่ผู้ที่มีประสบการณ์ในการตัดต่อวิดีโอ ซึ่งเป็นโปรแกรมที่มีเทคโนโลยีการ Render ที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ รวมถึงยังรองรับการใช้งานทั้ง Windows และ MacOS

จุดเด่น

  • Interface ภายในโปรแกรมออกแบบมาให้ใช้งานง่าย ทำความเข้าใจได้ไม่ยาก และปรับแต่งให้เหมาะสมกับความต้องการได้
  • ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย ส่งผลให้ Render Video ได้รวดเร็ว ทำให้กระบวนการสร้างวิดีโอใช้เวลาไม่นาน
  • รองรับไฟล์ได้หลายประเภทตั้งแต่ SD, HD, 2K, 4K และ 8K 

ข้อสังเกต

  • แม้จะรองรับการใช้งานสำหรับมืออาชีพ อาจมีบางฟีเจอร์ที่ไม่ตอบโจทย์การใช้งานระดับมืออาชีพ
  • ทดลองใช้งานฟรี 30 วัน และต้องเสียค่าใช้จ่ายประมาณ 782 บาท/เดือน

3. โปรแกรมตัดต่อวิดีโอย Davinci resolve

          Davinci resolve เป็นโปรแกรมตัดต่อวิดีโอที่เป็นมิตรกับผู้ใช้งาน และมอบฟีเจอร์การใช้งานได้ครบครัน เพื่อรองรับการใช้งานทั้งมือใหม่และมืออาชีพ โดยเครื่องมือที่ใช้ตัดต่อสามารถ Import และ Export ไฟล์ได้หลากหลายรูปแบบ อีกทั้งมีความยืดหยุ่นสูงในการปรับแสง สี และเสียง

จุดเด่น

  • Interface ใช้งานง่าย ออกแบบมาให้เป็นมิตรกับผู้ใช้งาน และปรับแต่งรูปแบบการใช้งานได้ตามความต้องการ
  • มีเครื่องมือปรับแต่งสี Color Grading คุณภาพสูงขนาด 32-bit ช่วยให้ได้สีที่ตรงกับความต้องการ
  • มีเครื่องมือเสริมเช่น Fusion สำหรับการสร้างเอฟเฟ็กต์และ Fairlight สำหรับการปรับเสียง

ข้อสังเกต

  • ตัวโปรแกรมมีไฟล์ขนาดใหญ่ และใช้พื้นที่จัดเก็บข้อมูลค่อนข้างเยอะ
  • มีความต้องการของระบบค่อนข้างสูง และต้องเสียค่าใช้จ่ายประมาณ 11,000 บาท/ปี

โปรแกรมตัดต่อวิดีโอ

4. โปรแกรมตัดต่อวิดีโอ HitFilm Express

          HitFilm Express อีกหนึ่งโปรแกรมตัดต่อวิดีโอที่ผู้ใช้สามารถใช้งานได้หลากหลาย ทั้งการตัดต่อวิดีโอ หรือจะเป็นการใส่ VFX (Visual Effects) เหมาะสำหรับผู้ใช้งานทุกระดับ เพราะมีการจัดวางเครื่องมือต่าง ๆ อย่างเป็นระเบียบ ช่วยให้ผู้ใช้ทำความเข้าใจได้ง่าย อีกทั้งยังใช้งานได้ทั้ง Windows และ MacOS อีกด้วย

จุดเด่น

  • มี User Interface ที่เป็นมิตรกับผู้ใช้งาน โดยออกแบบมาให้ผู้ใช้ทำความเข้าใจได้ง่าย ไม่มีความซับซ้อน
  • แม้จะใช้งานในรูปแบบ Free ก็ยังมีฟีเจอร์ที่เพียงพอต่อการใช้งานได้ทุกระดับ
  • มีเครื่องมือในการสร้างเอฟเฟ็กต์ที่หลากหลาย

ข้อสังเกต

  • ไม่เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความเป็นมืออาชีพหรือมีความซับซ้อนสูง
  • ในรุ่น Full Version ต้องเสียค่าใช้จ่ายประมาณ 5,000 บาท/ปี

5. โปรแกรมตัดต่อวิดีโอ Lightworks

          Lightworks เป็นโปรแกรมตัดต่อวิดีโอสำหรับมือใหม่โดยเฉพาะ ซึ่งใช้งานฟรี ไม่มีลายน้ำ และมี User Interface ที่ใช้งานง่าย ไม่มีแถบเครื่องมือที่ซับซ้อน จึงเหมาะกับผู้ที่ไม่มีพื้นฐานการตัดต่อวิดีโอ ก็สามารถใช้งานได้ทันที

จุดเด่น

  • ใช้งานฟรี ไม่มีลายน้ำ เหมาะสำหรับมือใหม่ที่ต้องการตัดต่อวิดีโอ
  • ทำความเข้าใจการใช้งานได้ง่าย ไม่มีเครื่องมือที่ซับซ้อน
  • ใช้งานได้ทั้งบน Windows, MacOS, และ Linux

ข้อสังเกต

  • ตัวใช้งานฟรี สามารถ Export ไฟล์ความละเอียดได้เพียง 720p หรือ HD เท่านั้น
  • ไม่เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความเป็นมืออาชีพหรือมีความซับซ้อนสูง

บทสรุป

          และนี่ก็คือโปรแกรมตัดต่อวิดีโอทั้ง 5 ตัวประจำปี 2023 ที่ใคร ๆ ก็ใช้งานได้ ซึ่งเราได้หวังว่าจะเป็นประโยชน์ให้แก่ผู้อ่านทุก ๆ คน แต่อย่างไรก็ตาม หากคุณต้องการผลงานวิดีโอ แต่ไม่มีเวลาเรียนรู้การตัดต่อ คุณสามารถเลือกใช้บริการกับทาง Fastwork เพราะเป็นแหล่งรวมนักตัดต่อวิดีโอระดับมืออาชีพไว้มากมาย และสามารถดูผลงานที่ผ่าน ๆ มา พร้อมกับเจรจาต่อรองราคาได้ตามที่ต้องการ การันตีว่าคุณจะได้รับผลงานวิดีโอที่มีคุณภาพ นำไปใช้ได้ทันที ไม่มีผิดหวัง

ฟรีแลนซ์ในหมวด ถ่ายและตัดต่อวีดีโอ

ฟรีแลนซ์ในหมวด ภาพและเสียง

Related Posts
This site uses cookies to offer you a better browsing experience. By browsing this website, you agree to our use of cookies.