คู่มือ ยื่นภาษีร้านค้าออนไลน์ ฉบับพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์มือใหม่

คู่มือ ยื่นภาษีร้านค้าออนไลน์ ฉบับพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์มือใหม่

          เมื่อต้นปี 2567 ที่ผ่านมาทางกรมสรรพากร ได้มีการกำหนดให้อิเล็กทรอนิกส์แพลตฟอร์มจัดทำบัญชีพิเศษ เพื่อนำส่งข้อมูลรายรับของผู้ประกอบการ ซึ่งมีผลทำให้แพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ  เช่น Lazada, Shopee, Grab, LINE MAN, TikTok ฯลฯ จำเป็นจะต้องส่งข้อมูลรายได้เพื่อเก็บภาษีจากบรรดาร้านค้า ดังนั้นพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์มือใหม่ควรทำความเข้าใจก่อนยื่นภาษีร้านค้าออนไลน์ให้ถูกต้อง เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาตามมาหรือโดนภาษีย้อนหลังได้

ขายของออนไลน์ ต้องยื่นภาษีร้านค้าออนไลน์อย่างไร?

          หากคุณเป็นพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์มือใหม่ จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องรู้เกี่ยวกับการยื่นภาษีร้านค้าออนไลน์ ซึ่งมีด้วยกัน 2 ประเภทหลักๆ นั่นก็คือ ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และ ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) เพื่อให้ไม่เกิดปัญหากรณีถูกทางสรรพากรประเมินย้อนหลังได้ โดยรายได้ที่เกิดขึ้นจากการขายของออนไลน์ผ่านช่องทางต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Market Place และ Social Media ถูกจัดให้อยู่ในเงินได้ประเภท 40(8) ซึ่งเป็นเงินได้ของบุคคลธรรมดาที่ขายของออนไลน์ และต้องนำไปคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา หรือ ภาษีเงินได้นิติบุคคล และภาษีมูลค่าเพิ่ม

  • ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา

          ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา คือ ภาษีที่จัดเก็บจากหน่วยภาษีที่มีลักษณะพิเศษตามที่กฎหมายกำหนด และมีรายได้เกิดขึ้นตามเกณฑ์ที่กำหนด ซึ่งโดยปกติจัดเก็บเป็นรายปี รายได้ที่ได้รับในปีใด ๆ ผู้มีเงินได้มีหน้าที่ต้องนำไปแสดงรายการด้วยตนเองตามแบบแสดงรายการภาษีที่กำหนด ภายในเดือนมกราคมถึงเดือนมีนาคมของปีถัดไป

  • ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT)

          ภาษีมูลค่าเพิ่ม (Value Added Tax) หรือ VAT เป็นการเก็บภาษีจากการขายสินค้า หรือการให้บริการในแต่ละขั้นตอนการผลิตและจำหน่ายสินค้าหรือบริการ ทั้งที่ผลิตภายในประเทศและนำเข้าจากต่างประเทศ

คู่มือ ยื่นภาษีร้านค้าออนไลน์ ฉบับพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์มือใหม่

ต้องทำการยื่นภาษีร้านค้าออนไลน์เมื่อไร?

          พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์จะต้องทำการยื่นภาษีร้านค้าออนไลน์ ไม่ว่าจะมีอายุเท่าไหร่หรือเป็นใครก็แล้วแต่ หากว่ามีรายได้จากการขายสินค้าเกิน 60,000 บาท หรือ เป็นผู้มีรายได้รวมทุกช่องทางเกิน 120,000 บาท ต้องทำการยื่นภาษีทั้งหมด 3 รอบด้วยกัน คือ 

          1. ยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาครึ่งปี หรือ ภ.ง.ด.94 ในระหว่างวันที่ 1 กรกฎาคม ถึง 30 กันยายน ของปีเดียวกัน

          2. ยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาประจำปี หรือ ภ.ง.ด.90 ในระหว่างวันที่ 1 มกราคม ถึง 31 มีนาคมของปีถัดไป

          3. ยื่นภาษีประเภทที่ 8 หรือ 40(8) ต้องยื่นภาษี ภ.ง.ด.94 ซึ่งเป็นการยื่นภาษีกลางปี เพื่อสรุปรายได้ที่เกิดขึ้นในช่วงครึ่งปีภาษีแรกที่ผ่านมาในระหว่างกรกฎาคม ถึง กันยายน 

          อย่างไรก็ตามหากทั้งปีคุณมีรายได้เกิน 1.8 ล้านบาท จะต้องทำการจด VAT หรือ จดภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภ.พ.01) ภายในระยะเวลา 30 วัน โดยนับตั้งแต่วันที่มีรายรับเกิน 1.8 บาท ซึ่งจะต้องดำเนินการจดทะเบียนที่ สำนักงานสรรพากรเขตพื้นที่ที่สถานประกอบการตั้งอยู่ หรือ สามารถยื่นผ่านออนไลน์ได้ที่ vsreg.rd.go.th หลังจากนั้นจะต้องเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากผู้ซื้อสินค้าในอัตรา 7% (จากมูลค่าสินค้า) และนำส่งให้กรมสรรพากร โดยต้องยื่นภาษีเป็นรายเดือน หรือ ภ.พ.30 ภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไป

ต้องยื่นภาษีร้านค้าออนไลน์ที่ไหน?

          การยื่นภาษีร้านค้าออนไลน์ และการยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สามารถทำได้ง่ายๆ ตามความสะดวกของแต่ละบุคคล มีทั้งหมดด้วย 2 วิธี คือ 

  • ยื่นภาษีด้วยตัวเอง ณ กรมสรรพากร

          ผู้เสียภาษีสามารถยื่นแบบภาษีต่อเจ้าพนักงานได้ที่ สำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขาทุกแห่งทั่วประเทศ โดยการกรอกแบบฟอร์ม ภ.ง.ด. แล้วจัดเตรียมเอกสารที่เกี่ยวข้อง จากนั้นเดินทางไปยื่นภาษีด้วยตัวเองในวันและเวลาราชการ

  • ยื่นภาษีผ่านช่องทางออนไลน์

          ยื่นภาษีร้านค้าออนไลน์และภาษีประเภทอื่นๆ ผ่านช่องทางออนไลน์ที่สะดวกและรวดเร็วได้ง่ายๆ โดยเข้าไปที่ www.rd.go.th เข้าเว็บไซต์ของกรมสรรพากร อีกทั้งยังมีการขยายเวลายื่นแบบแสดงรายการและการชำระภาษีที่ช้ากว่าการยื่นด้วยตัวเองที่กรมสรรพากร

คู่มือ ยื่นภาษีร้านค้าออนไลน์ ฉบับพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์มือใหม่

ตัวอย่างการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา

          นางสาว ก มีอาชีพขายของออนไลน์ในหลายช่องทาง รวมรายได้ทั้งปีเป็นจำนวนเงิน 1,000,000 บาท และมีค่าใช้จ่ายจริงทั้งหมด 600,000 บาท หักค่าลดหย่อนส่วนตัว 60,000 บาท 


(รายได้) 1,000,000 – (หักรายจ่ายจริง) 600,000 – (ค่าลดหย่อน) 60,000

เงินได้สุทธิ = 340,000

          จากนั้นนำเงินได้สุทธิที่คำนวณได้มาเทียบกับตารางอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา คือ 

                    340,000 – 300,000 x 10% = 4,000

          (นำค่าที่ได้มาบวกรวมอัตราภาษีแต่ละขั้น) 7,500 + 4,000 = ภาษีที่ต้องจ่าย 11,500 บาท

รายการลดหย่อนภาษีที่ต้องรู้ก่อนยื่นภาษีร้านค้าออนไลน์

รายการลดหย่อน อัตราลดหย่อน
    1. ค่าลดหย่อนส่วนตัว 60,000 บาท
    2. ค่าลดหย่อนคู่สมรส 60,000 บาท
    3. ค่าลดหย่อนบุตร บุตรคนแรกลดหย่อน 30,000 บาท 

บุตร 2 คนขึ้นไป 60,000 บาท

    4. ค่าลดหย่อนบิดามารดา หากมีอายุ 60 ปีขึ้นไป ได้ค่าลดหย่อนคนละ 30,000 บาท
    5. ค่าลดหย่อนผู้พิการและทุพพลภาพ 60,000 บาท
    6. ค่าฝากครรภ์และทำคลอด 60,000 บาท
    7. ประกันชีวิตและประกันสะสมทรัพย์ สูงสุด 100,000 บาท ตามที่จ่ายจริง
    8. ประกันสุขภาพบิดามารดา สูงสุด 15,000 บาท
    9. ประกันสุขภาพตัวเอง สูงสุด 25,000 บาท
    10. กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) ไม่เกิน 30% ของรายได้ สูงสุด 500,000 บาท
    11. กองทุนรวมเพื่อการออม (SSF) ไม่เกิน 30% ของรายได้ สูงสุด 500,000 บาท
    12. เงินประกันสังคม 5,850 บาท

 

          สำหรับพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์มือใหม่ที่ยังไม่เคยมีประสบการณ์ในการยื่นภาษีร้านค้าออนไลน์ สามารถทำตามคู่มือของเราได้ง่ายๆ ตามขั้นตอนที่เราได้แนะนำไว้ข้างต้น แต่สำหรับใครที่ไม่มีเวลาและไม่สะดวกดำเนินการด้วยตัวเอง สามารถใช้บริการฟรีแลนซ์ของเราได้ง่ายๆ โดยเข้าไปที่ Fastwork หลังจากนั้นก็ค้นหาฟรีแลนซ์ที่ถูกใจได้เลย

ฟรีแลนซ์ในหมวด ทำบัญชีและยื่นภาษี

ฟรีแลนซ์ในหมวด ธุรกิจและที่ปรึกษา

Related Posts
This site uses cookies to offer you a better browsing experience. By browsing this website, you agree to our use of cookies.