หากใครอยู่ในวงการดนตรีหรือสตูดิโออยู่แล้ว ก็คงต้องเคยเห็นหรือได้ยินกับอาชีพ Sound engineer กันมาบ้างอย่างแน่นอน ซึ่งอาชีพนี้แม้จะขึ้นชื่อว่าเป็น engineer (วิศวกร) เหมือนกับเหล่า Mechanical engineer (วิศวกรเครื่องกล) Computer engineering (วิศวกรคอมพิวเตอร์) System engineer (วิศวกรระบบ) หรือ Automotive engineering (วิศวกรยานยนต์) แต่ผู้ที่ประกอบอาชีพนี้ก็ไม่จำเป็นต้องเรียนวิทยาศาสตร์ หรือคณิตศาสตร์มากมายเท่าวิศวกรแขนงอื่น ๆ เพียงแค่มีหน้าที่หลักในการดูแล ซ่อม และทำนุบำรุงอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องเหมือนกันนั่นเอง ซึ่งถ้าหากคุณอยากรู้จัก หรืออยากรู้ไว้เป็นแนวทางเรียนต่อในอนาคต ก็มาเรียนรู้เกี่ยวกับ Sound engineer กันได้ในบทความนี้เลย
Sound engineer คือใคร ต้องเรียนจบจากไหนและมีทักษะอะไรบ้าง?
Sound engineer ในไทยของเรามักจะเรียกโดยย่อว่า ซาวด์เอน หรือถ้าในงานทางการก็จะเรียกว่า วิศวกรด้านเสียง ถึงแม้จะใช้คำว่า วิศวกร แต่ในการเรียนของ Sound engineer ไม่จำเป็นต้องเรียนวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์อย่างลึกซึ้ง เหมือนวิศวกรด้านอื่น ๆ เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบในเสียงดนตรี หรือหลงใหลการทำงานในสตูดิโอเพลง เพราะการเป็น Sound engineer คุณจะได้คลุกคลีอยู่กับเครื่องดนตรี นักดนตรี และอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการร้องเพลง หรือการแสดงอยู่ตลอดเวลา ซึ่งการจะได้ออกหน้างานหรืออยู่ในสตูดิโอเพียงอย่างเดียว นั่นก็คือทางเลือกหลังเรียนจบของคุณเอง โดยในประเทศไทยนั้นมีหลักสูตรมากมาย ที่จะทำให้คุณกลายเป็น Sound engineer ได้ ตัวอย่างเช่น
-
- สาขาวิศวกรรมคอนเสิร์ตและมัลติมีเดีย คณะวิศวกรรมศาสตร์ ของมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
- สาขาเทคโนโลยีดนตรี วิทยาลัยดุริยางค์ศิลป์ ของมหาวิทยาลัยมหิดล
- สาขาเทคโนโลยีวิศวกรรมดนตรี วิทยาลัยดนตรี ของมหาวิทยาลัยรังสิต
- หลักสูตรวิศวกรรมดนตรีและสื่อประสม ของวิทยาลัยวิศวกรรมสังคีต
นอกเหนือจากที่ทางเราได้ยกตัวอย่างมาแล้ว การจะเข้าเรียนเป็นคอร์สระยะสั้นเพื่อทำความรู้จักเกี่ยวกับเสียงและอุปกรณ์ต่าง ๆ ก็มีให้เลือกสรรมากมายในบ้านเรา แล้วค่อยเก็บเกี่ยวประสบการณ์จากการช่วยเหลือตามหน้างานต่าง ๆ ก็เป็น Sound engineer ได้ หรือถ้าอยากฝันไกลทำงานใกล้ชิดศิลปินระดับโลกกับสตูดิโอชื่อดัง ก็สามารถเรียนปริญญาตรี และปริญญาโทด้าน Sound engineer ที่ต่างประเทศก็ได้เช่นกัน

ซึ่งคนในวงการดนตรีและวิดีโอหลายต่อหลายคน ก็ได้บอกเป็นเสียงเดียวกันว่าการเรียนจบทางด้านวิศวกรรมเสียงโดยเฉพาะมา ไม่สำคัญเท่ากับว่าคุณมีความรู้ ความสามารถและประสบการณ์ทางด้าน Sound engineer มากแค่ไหน โดยประสบการณ์นั้นเป็นเรื่องสามารถสั่งสมและเก็บเกี่ยวได้ขึ้นอยู่กับความตั้งใจและระยะเวลาของคุณ ส่วนทักษะความรู้และความสามารถที่สำคัญต่อการเป็น Sound engineer มีดังต่อไปนี้
-
- ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับกระบวนการบันทึกเสียง (Recording หรือ Tracking)
- ความเข้าใจในการใช้งานอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น ไมค์ ลำโพง เครื่อง Mixing เป็นต้น
- ความเข้าใจระดับสัญญาณของการบันทึกเสียง
- ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการตัดต่อ แก้ไข หรือผสมเสียงต่าง ๆ
- ความรู้ความเข้าใจในภาษาอังกฤษขั้นเบื้องต้น
- ความสามารถในการสื่อสารกับผู้อื่น เนื่องจากต้องประสานงานระหว่างวงดนตรี ผู้จัดงาน และเจ้าของสถานที่
โดยทั้งหมดนี้ คือสิ่งที่จำเป็นขั้นพื้นฐานสำหรับผู้เป็น Sound engineer และหน้าที่ของผู้เป็น Sound engineer ก็สามารถแตกแขนงออกไปได้อีกมากมาย ขึ้นอยู่กับว่าคุณชื่นชอบการทำงานแบบไหน
Sound engineer สำคัญกับวงการดนตรีและวิดีโออย่างไร?
สำหรับใครที่ยังไม่รู้ว่า Sound engineer มีหน้าที่อะไรในวงการดนตรีและวิดีโอ หรือคิดว่าถ้ามีก็คงไม่เป็นที่ต้องการขนาดนั้น เรามาดูกันดีกว่าว่าแขนงอาชีพสำหรับผู้เป็น Sound engineer มีอะไรบ้าง โดยสายอาชีพของ Sound engineer สามารถแบ่งกลุ่มใหญ่ได้ 2 ประเภท ได้แก่
-
Live Sound Engineer

การเป็น Live Sound Engineer จะเป็นตำแหน่งที่ผู้คนพบเห็นได้บ่อยตามงานแสดงหรือคอนเสิร์ต หรือก็คือเป็นผู้ที่ควบคุมเสียงแบบนอกสถานที่นั่นเอง อีกทั้งก็สามารถแบ่งอาชีพ Live Sound Engineer ตามหน้าที่ออกได้อีก 4 อย่างโดยประมาณ
-
- Front of House Engineer : ผู้ทำหน้าที่ควบคุมเสียงหลักบนเวที ให้ผู้ชมทุกคนได้ยินโดยทั่วถึงกัน และต้องแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าที่เกิดจากการแสดงสดด้วย
- Monitor Engineer : ผู้ทำหน้าที่ควบคุมเสียงจากลำโพง สามารถผสมเสียงเครื่องดนตรีและเสียงร้องออกมาได้อย่างสมดุล อีกทั้งยังต้องส่งไปให้นักดนตรีแต่ละคนได้ยินเสียงของตัวเองและเพื่อนร่วมวงด้วย
- System Engineer : ผู้ทำหน้าที่ดูแลระบบของเสียงทั้งหมด สามารถจัดการเรื่องตำแหน่งของอุปกรณ์ต่าง ๆ บนเวที อย่างลำโพง ไมค์ และเครื่องดนตรีต่าง ๆ บนเวทีได้
- Sound System Designer : ผู้ทำหน้าที่ออกแบบระบบเสียงทั้งหมดภายในสถานที่ที่จำกัด ว่าต้องติดตั้งลำโพงไว้ตรงไหนบ้าง อุปกรณ์ที่จำเป็นคืออะไรบ้าง สามารถควบคุมเสียงในพื้นที่จำกัดได้
-
Studio Sound Engineer

การเป็น Studio Sound Engineer จะเป็นตำแหน่งที่ประจำอยู่ในสตูดิโอเป็นส่วนใหญ่ ไม่จำเป็นต้องออกหน้างานมากนัก แต่ก็ยังสามารถแบ่งอาชีพ Studio Sound Engineer ตามหน้าที่ออกได้อีก 4 อย่างโดยประมาณ
-
- Sound Designer : ผู้ทำหน้าที่ออกแบบเสียงประกอบ สร้างเอฟเฟกต์เสียงต่าง ๆ เพื่อให้เข้ากับเนื้อหาในสื่อวิดีโอ รวมถึงมีหน้าที่ในการสร้างอารมณ์จากเสียงเพลงให้ผู้ชมด้วยเช่นกัน
- Mastering Engineer : ผู้ทำหน้าที่ปรับแต่งเสียงจากเพลงให้มีความสมดุล ทั้งเสียงของนักร้อง เสียงของดนตรี และเสียงของจังหวะต่าง ๆ สามารถแก้ไขแล้วยกระดับภาพรวมของเสียงให้ดียิ่งขึ้นได้
- Recording Engineer : ผู้ทำหน้าที่ด้านการอัดเสียง ตั้งแต่ตำแหน่งของไมค์ ตั้งค่าอุปกรณ์บันทึกเสียง ควบคุมเสียงและทำการบันทึก หากให้ดีที่สุดจะต้องเป็นผู้ที่มีความรู้ความเข้าใจในการควบคุมสตูดิโอด้วย
- Mixing Engineer : ผู้ทำหน้าที่ด้านการผสมเสียง หรือที่เรียกกันว่า Mixing โดยต้องมีความคิดสร้างสรรค์และต้องผสมเสียงร้องกับเสียงดนตรีต่าง ๆ ให้รวมเป็นเสียงเดียวกัน เพื่อให้ได้ผลงานที่ศิลปินหรือ Producer ต้องการ
ซึ่งในวงการของการ Sound engineer ทั่วโลก อาจจะมีตำแหน่งหน้าที่นอกเหนือจากนี้ไปอีกมากมายก็ได้ ขึ้นอยู่กับว่าคุณเลือกที่จะเรียนรู้อะไรและทำอะไรในบทบาทของ Sound engineer ได้บ้าง แต่ถ้าหากคุณกำลังมองหา Sound engineer มืออาชีพสักคน เพื่อให้มาเป็นผู้ช่วย หรือผู้สร้างสรรค์ผลงานด้านวิดีโอร่วมกับคุณ ก็สามารถมามองหาได้ที่เว็บไซต์ Fastwork เว็บรวบฟรีแลนซ์อันดับหนึ่งของประเทศ ที่มีฟรีแลนซ์มากมายหลายอาชีพภายในเว็บเดียวเท่านั้น

