ในวงการแต่ละวงการก็จะมีศัพท์เฉพาะ ตัวอย่างเช่น วงการดารานักแสดง ก็จะมีศัพท์อย่าง Casting, Fitting เป็นต้น สำหรับวงการออกแบบเองก็มีคำศัพท์ที่ควรรู้เช่นกัน หลายๆคำเราอาจจะได้ยินและผ่านหูผ่านตา แต่ถ้าถามให้อธิบายว่ามันคืออะไร คงจะนิ่งคิดไปหลายนาที
งั้นเราลองมาเข้าใจให้ลึกๆไปเลยว่า แต่ละคำสำหรับนักออกแบบมีความหมายว่าอย่างไร?
1. Graphic (กราฟิก)
หลายคนต้องเคยได้ยินคำว่ากราฟิกผ่านหูมาแล้วอย่างแน่นอน แต่ถ้าจะอธิบายให้คนเข้าใจเร็วๆ อาจจะต้องใช้เวลาสักหน่อย ซึ่งกราฟิกหมายถึง ลวดลายต่างๆ ไม่ว่าจะจุด จะเส้นหรือสี่เหลี่ยม เรขาคณิต ที่นำมารวมนำมาประกอบเข้าด้วยกันแล้วทำให้เกิดภาพนั่นเอง
2. Design (ดีไซน์)
หนึ่งคำเบสิคที่ความหมายตรงตัวเลยก็คือ การออกแบบหรือสร้างสรรค์ผลงานขึ้นมา
3. Graphic Design (กราฟิกดีไซน์)
พอคำสองคำนี้มาอยู่กัน จึงหมายความว่า การออกแบบหรือการสร้างสรรค์ลวดลายให้เกิดขึ้นเป็นภาพ
4. Designer (ดีไซน์เนอร์)
เหมือนเติม –er เข้าไปจึงกลายเป็นบุคคล ดีไซเนอร์ จึงแปลว่านักออกแบบหรือนักสร้างสรรค์
5. Brief (บรีฟ)
ในสายงานนี้จะได้ยินบ่อยๆ เลยว่ารับบรีฟๆ แล้วบรีฟคืออะไร ? จริงๆ แล้วในภาษาอังกฤษ บรีฟหมายถึง สรุป ย่อ กระชับสั้นๆ เข้าใจง่าย การรับบรีฟ จึงหมายถึง รับข้อสรุปของขอบเขตงานที่ต้องทำ และ ทำให้ตรงตามบรีฟ บรีฟจะช่วยให้เรามีเป้าหมายในการทำงาน และไม่หลุดกรอบไปไหน
6. Concept (คอนเซปต์)
คอนเซปต์คือแนวคิด โดยจะมีอีกคำที่คล้ายๆ กันคือคำว่า Idea (ไอเดีย) แต่คอนเซปต์จะหมายถึงความคิดโดยรวม ในหนึ่งคอนเซปต์สามารถมีหลายไอเดียที่ช่วยให้คอนเซปต์ชัดเจนยิ่งขึ้นได้
7. Typography, Typo (ไทโปกราฟฟี้หรือไทโป)
หมายถึงการจัดวางตัวอักษร หรือตัวหนังสือในการพิมพ์
8. Kerning (เคิร์นนิ่ง)
การตัดวางระยะห่างระหว่างตัวอักษรแต่ละตัวหรือแต่ละประโยคให้ได้ระยะที่ดี
9. Brainstorm (เบรนสตอร์ม)
คำว่า Brain แปลว่าสมอง ส่วนคำว่า Storm แปลว่าพายุ หรือการโหมกระหน่ำ เมื่อ 2 คำนี้มาอยู่ด้วยกัน จึงมีความหมายว่าระดมสมอง การเบรนสตอร์มจะเกิดขึ้นเมื่อได้รับบรีฟงานมาและเรียกประชุมเพื่อคิดไอเดียและคอนเซปต์ของงานรวมกันนั่นเอง
10. Pitch Work (พิทช์เวิร์ค)
การจะได้งานทำหลักๆ มีอยู่ 2 แบบ คือ 1. ทำกับลูกค้าที่จ้างเราทำโดยตรงไม่จำเป็นต้องมีคู่แข่ง แต่ก็มีลูกค้าหลายรายที่อยากได้ทางเลือกเยอะๆ สมมติว่ามีงานเข้ามาภายใต้แบรนด์ A
แบรนด์A จะเรียกอเจนซี่ 2-3 เจ้าที่สนใจ และบอกบรีฟให้ไปทำ หลังจากนั้นก็กลับมาเสนอแผนงานหรือโปรเจคให้กับลูกค้าในเวลาไล่เลี่ยกัน ดังนั้นอเจนซี่จึงจะต้องทำงานให้มีประสิทธิภาพและตรงตามบรีฟมากขึ้นเพื่อให้พิทช์งานชนะ
11. Proof (บรู๊ฟ)
การบรู๊ฟงานคือการตรวจสอบความเรียบร้อยในทุกๆด้าน เพื่อป้องกันความผิดพลาด อาทิเช่นเรื่องสี ตัวอักษร การสะกดคำหรือรายละเอียดอื่นๆ การจะส่งเข้าโรงพิมพ์
ทั้งหมดนี้เป็นศัพท์เบื้องต้นที่นักออกแบบควรรู้ความหมาย ไม่ใช่แค่คำพูด การที่เราสามารถอธิบายอะไรออกมาได้และทำให้คนอื่นๆ เข้าใจ แสดงว่าเราเข้าใจมันอย่างจริงจัง เมื่อเราเข้าใจส่วนประกอบของงานอย่างดี เราก็จะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น 😉
________________________________________________