- การทำ SEO คืออะไร?
- ประโยชน์ของการทำ SEO มีอะไรบ้าง?
- วิธีการทำ SEO ให้ติดหน้าแรกใน Google ฉบับมือใหม่
การทำ SEO คืออะไร?
เริ่มต้นกันที่คำถามแรกของมือใหม่ที่ยังไม่รู้จัก การทำ SEO คือ การปรับปรุง ปรับแต่งเว็บไซต์ให้มีความเหมาะสมรองรับการค้นหาในเว็บเบราว์เซอร์ Google มากที่สุด ซึ่ง SEO นั้นย่อมาจาก Search Engine Optimization ด้วยจุดประสงค์สำคัญคือการทำให้เว็บไซต์ติดอันดับต้น ๆ ในการค้นหา หรือเรียกให้เข้าใจง่าย ๆ ว่า เป็นการจัดการเว็บไซต์ให้สามารถค้นหาเจอได้ในหน้าแรก เพื่อสร้างโอกาสให้กลุ่มเป้าหมายมองเห็นเว็บไซต์ของคุณมากขึ้น และส่งผลให้เกิดการเข้าถึงที่มากขึ้นด้วยนั่นเอง
การทำ SEO ประกอบไปด้วยปัจจัยต่าง ๆ ภายในเว็บไซต์ไม่ว่าจะเป็น โครงสร้างเว็บไซต์ ความเร็วในการโหลดหน้าเว็บ เนื้อหาภายในเว็บ ฯลฯ ดังนั้นจึงต้องทำความเข้าใจอย่างเจาะลึก เพื่อให้การปรับปรุงเว็บไซต์ตอบโจทย์การค้นหามากที่สุด ทั้งนี้จะต้องให้ความสำคัญกับ Algorithm และ Trends ของ Google ที่มีการอัปเดตอย่างต่อเนื่องด้วย[/vc_column_text][vc_empty_space height=”10px”][/vc_column][/vc_row][vc_row el_id=”start-seo2″][vc_column el_id=”benefit-seo”][vc_column_text]
ประโยชน์ของการทำ SEO มีอะไรบ้าง?
- เพิ่มคุณภาพเว็บไซต์ทั้งด้านของ Search Engine และมุมมองผู้เข้าชมเว็บไซต์
- กลุ่มลูกค้าเข้าถึงเว็บไซต์ได้ง่ายมากขึ้นด้วย Keyword ที่ตรงความต้องการ
- การทำ SEO ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์สินค้าและบริการ
- ลดต้นทุนในการโฆษณาและได้ผลลัพธ์อันดับที่ยั่งยืนมากกว่า
- เว็บไซต์ที่ทำ SEO จะขึ้นหน้าแรกแบบ Organic Search ซึ่งเป็นที่สนใจของกลุ่มลูกค้าที่มองข้ามการโฆษณา
- เพิ่มยอดการเข้าถึงและยอดขายออนไลน์ได้มากกว่า
วิธีการทำ SEO ให้ติดหน้าแรกใน Google ฉบับมือใหม่
[/vc_column_text][/vc_column][/vc_row][vc_row el_id=”start-seo3.1″][vc_column el_id=”on-site”][vc_column_text]1. On site optimization
การปรับแต่งโครงสร้างและส่วนต่าง ๆ ของเว็บไซต์ให้มีความพร้อมทำ SEO และสอดคล้องกับการค้นหาของกลุ่มลูกค้าร่วมถึงอัลกอริทึมของ Search Engine ให้ได้มากที่สุด เช่น
- โครงสร้างเนื้อหาบนเว็บไซต์ (On page Structure)
- ความเชื่อมโยงของลิงค์ในแต่ละหน้าและเชื่อมโยงสู่ลิงค์ภายนอก (Internal Links & Outbound Links)
- การจัดวางเว็บไซต์ให้แสดงได้กับทุกอุปกรณ์ (Use Responsive Design)
- การสร้าง URL ที่เข้าถึงง่ายไม่ซับซ้อน (Friendly URLs)
- ความเร็วในการโหลดหน้าเว็บไซต์ที่ไม่ช้าเกินไป
- การเลือกใช้ภาพภายในเว็บไซต์ที่ค้นหาได้ง่าย
2. Keyword research
การสำรวจความต้องการของกลุ่มลูกค้าอย่างเจาะลึก เพื่อให้ได้ Keyword ที่สำคัญต่อการค้นหาที่ทำให้พบเว็บไซต์ของคุณได้ง่ายมากขึ้น ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการทำ SEO ที่พลาดไม่ได้เด็ดขาด โดยเน้นไปที่เนื้อหาภายในเว็บไซต์ร่วมกับโครงสร้างเว็บไซต์
3. Mobile Friendly
การทำ SEO ในปัจจุบันจะต้องพัฒนาให้สอดคล้องกับการใช้งานของกลุ่มลูกค้าด้วยเช่นกัน ดังนั้นการปรับให้เว็บไซต์เป็นมิตรกับโทรศัพท์มือถือจึงสำคัญไม่แพ้กัน เพราะส่วนใหญ่ผู้ใช้งานมักค้นหาจากมือถือและต้องการผลการค้นหาที่รวดเร็ว
4. User experience
การออกแบบเว็บไซต์คือหนึ่งในการทำ SEO ที่จะช่วยให้ผู้ใช้งานได้รับประสบการณ์ในการค้นหาที่ดีกว่า ส่งผลโดยตรงต่อความพึงพอใจของเว็บไซต์และดึงดูดลูกค้าได้มากกว่า ลองจินตนาการดูว่าหากเว็บไซต์ของคุณเข้าใจยาก ค้นหาลำบาก เว็บไซต์ดูไม่น่าเชื่อถือ แน่นอนว่าผู้ใช้งานมากกว่า 80% จะเข้ามาในเว็บไซต์ของคุณ แล้วต้องออกไปในไม่กี่นาทีแน่ ๆ
5. Backlink
การเชื่อมโยงลิงค์ทั้งภายในเว็บไซต์และภายนอกเว็บไซต์ที่มีประสิทธิภาพ จะยิ่งช่วยให้การทำ SEO ติดอันดับได้มากขึ้น เพราะเป็นสิ่งที่วัดความน่าเชื่อถือของเนื้อหาเว็บไซต์ตลอดจนสร้างความสะดวกในการเข้าถึงเนื้อหาสำคัญจาก Keyword ได้ดีมากกว่า
6. Social Media
นับว่าเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยในการกระจายช่องทางการเข้าถึงจากเว็บไซต์ เพราะการทำ SEO ที่ดีจะต้องคำนึงถึง Social Media ที่ทำให้กลุ่มลูกค้ารู้จักสินค้าและบริการมากขึ้น หากคุณเขียนบทความที่ตอบโจทย์ลูกค้า แถมยังสามารถแชร์ไปยังพื้นที่อื่น ๆ บนแพลตฟอร์มออนไลน์ได้ ยิ่งช่วยเพิ่ม Traffic ให้เว็บไซต์น่าเชื่อถือด้วย