ทุกเว็บไซต์บนโลกออนไลน์มีที่อยู่เป็นของตัวเอง เพื่อให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงข้อมูลได้อย่างถูกต้อง โดยที่อยู่นั้นเราเรียกว่า URL (Uniform Resource Locator) หรือที่รู้จักกันในชื่อสั้น ๆ ว่า “ลิงก์เว็บไซต์”
แต่ในมุมของคนทำเว็บไซต์และการตลาดดิจิทัล URL นั้นเป็นถึงองค์ประกอบสำคัญที่เชื่อมโยงประสบการณ์ของผู้ใช้ (User Experience) เข้ากับกลยุทธ์การทำ SEO (Search Engine Optimization) ซึ่งมีผลโดยตรงต่ออันดับการค้นหาใน Google
วันนี้เราจะพาไปทำความเข้าใจว่า URL คืออะไร มีโครงสร้างอย่างไร และควรตั้งค่า URL อย่างไรให้เหมาะกับ SEO เพราะทั้งหมดนี้คือพื้นฐานสำคัญของการสร้างเว็บไซต์ที่ทั้งสวย มีระบบ และทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
URL เว็บไซต์ คืออะไร
URL คือ ที่อยู่ของข้อมูลหรือหน้าเพจใด ๆ บนอินเทอร์เน็ต ทำหน้าที่บอกตำแหน่งของไฟล์หรือเนื้อหาที่ผู้ใช้ต้องการเข้าชม
ลองนึกภาพว่าโลกออนไลน์คือเมืองขนาดใหญ่ และแต่ละเว็บไซต์คือบ้านหลังหนึ่ง URL ก็คือ “ที่อยู่บ้าน” ที่ช่วยให้ผู้ใช้และระบบค้นหาอย่าง Google รู้ว่าจะต้องไปที่ไหนเพื่อเข้าถึงข้อมูลนั้น ๆ
ตัวอย่างเช่น https://www.bepgroup.space/blog
- ส่วน “https://” คือวิธีการเข้าถึง
- ส่วน “bepgroup.space” คือชื่อโดเมนของเว็บไซต์
- ส่วนหลัง “/” คือเส้นทางไปยังบทความหรือหน้าเพจนั้น ๆ
หากไม่มี URL เบราว์เซอร์จะไม่รู้ว่าควรแสดงผลหน้าใด และผู้ใช้ก็จะไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลได้เลย นั่นหมายความว่า URL คือ พื้นฐานของการสื่อสารระหว่างผู้ใช้ เว็บไซต์ และ Search Engine
โครงสร้างของ URL มีอะไรบ้าง
ถึงแม้ว่า URL จะดูเหมือนเป็นชุดข้อความสั้น ๆ แต่ในความจริงแล้วมันถูกออกแบบมาอย่างมีระบบ ประกอบด้วยหลายส่วนที่ทำงานร่วมกัน ได้แก่
1. Protocol วิธีการเข้าถึงข้อมูล
ส่วนนี้คือคำสั่งที่บอกว่าเบราว์เซอร์จะเชื่อมต่อกับเว็บไซต์อย่างไร
- http:// คือรูปแบบพื้นฐานของการเชื่อมต่อ
- https:// เพิ่ม “s” ที่หมายถึง secure แปลว่าปลอดภัยกว่า เพราะมีการเข้ารหัสข้อมูล (SSL)
ปัจจุบันเว็บไซต์ที่ใช้ HTTPS ถือว่ามีความน่าเชื่อถือมากกว่า และยังเป็นหนึ่งในสัญญาณที่ Google ใช้ประเมินอันดับ SEO
2. Domain Name ชื่อโดเมน
เป็นชื่อหลักของเว็บไซต์ เช่น bepgroup.space ซึ่งเปรียบเหมือนชื่อบริษัทหรือชื่อแบรนด์ในโลกออนไลน์
การตั้งชื่อโดเมนที่ดีควรสั้น จำง่าย และสะท้อนตัวตนของธุรกิจ เช่น
- .com สำหรับเว็บไซต์เชิงพาณิชย์หรือธุรกิจทั่วไป
- .co.th สำหรับองค์กรหรือบริษัทในประเทศไทย
- .net สำหรับธุรกิจด้านเทคโนโลยีหรือบริการเครือข่าย
- .org สำหรับองค์กรไม่แสวงหากำไร
- .space หรือโดเมนใหม่ ๆ สำหรับแบรนด์ที่ต้องการเอกลักษณ์และความทันสมัย
3. Path เส้นทางของหน้าเพจ
คือส่วนที่ต่อท้ายโดเมน เช่น /blog/url-guide หรือ /insight-room/motion-graphic
Path จะช่วยบอกลำดับชั้นของเนื้อหา (Site Hierarchy) เพื่อให้ทั้งผู้ใช้และ Google เข้าใจได้ว่าเนื้อหานี้อยู่ส่วนไหนของเว็บไซต์
4. Parameters ค่าพิเศษที่ใช้ส่งข้อมูล
ส่วนนี้มักปรากฏหลังเครื่องหมาย “?” เช่น
?utm_source=facebook&utm_medium=social
ใช้เพื่อเก็บข้อมูลการเข้าชม หรือกรองเนื้อหาบางอย่างในระบบ เช่นหน้าค้นหา สินค้า หรือแคมเปญโฆษณา
ถึงแม้จะมีประโยชน์ในเชิงการวิเคราะห์ข้อมูล แต่ควรใช้อย่างเป็นระบบ เพื่อป้องกัน URL ซ้ำซ้อนหรือซับซ้อนเกินไป
สร้าง URL ยังไงให้เป็นมิตรกับ SEO
URL ไม่ได้แค่ช่วยให้ผู้ใช้เข้าถึงเว็บไซต์ แต่ยังส่งผลโดยตรงต่อการทำ SEO เพราะ Google ใช้ URL เป็นหนึ่งในองค์ประกอบหลักในการทำความเข้าใจว่าเพจนั้นเกี่ยวข้องกับอะไร โดยมีเกณฑ์ดังนี้
1. ใช้คีย์เวิร์ดหลักใน URL
การใส่คำสำคัญ (Keyword) ลงใน URL จะช่วยให้ Search Engine เข้าใจหัวข้อของหน้าได้ชัดเจน เช่น
- ดี: www.bepgroup.space/blog/motion-graphic-3d
- ไม่ดี: www.bepgroup.space/blog/article123
2. เขียนให้สั้น กระชับ และอ่านง่าย
URL ที่ดีไม่ควรยาวเกินไป หรือมีตัวเลข-อักขระพิเศษโดยไม่จำเป็น เพราะจะทำให้ผู้ใช้สับสน และแชร์ต่อยาก เช่น
- ดี: /blog/url-structure
- ไม่ดี: /page?id=87654&cat=blog
3. ใช้ขีดกลาง (-) แทนขีดล่าง (_)
Google มองขีดกลางเป็นตัวแยกคำ แต่ไม่แยกขีดล่าง เช่น
- ดี: /seo-friendly-url
- ไม่ดี: /seo_friendly_url
4. ใช้ตัวพิมพ์เล็กทั้งหมด
หลีกเลี่ยงตัวพิมพ์ใหญ่ เพราะบางเซิร์ฟเวอร์อาจแยกระหว่าง “Blog” กับ “blog” ซึ่งอาจทำให้เกิด URL ซ้ำโดยไม่ตั้งใจ
5. วางโครงสร้างให้สัมพันธ์กับ Site Hierarchy
URL ควรแสดงลำดับความสัมพันธ์ของเนื้อหา เช่น /services/motion-graphic หรือ /insight-room/url-guide เพื่อช่วยให้ผู้ใช้เข้าใจได้ว่าอยู่ในหมวดหมู่ไหน และ Google ก็จะสามารถจัดหมวดหมู่เนื้อหาได้ง่ายขึ้น
URL ที่ดีควรเป็นแบบไหน ?
URL ที่ดีไม่จำเป็นต้องสั้นที่สุด แต่ต้องอ่านเข้าใจง่ายที่สุดทั้งสำหรับผู้ใช้และระบบค้นหา ลองสังเกตตัวอย่างต่อไปนี้
- https://www.bepgroup.space/blog/what-is-url เข้าใจได้ทันทีว่าเนื้อหาเกี่ยวกับ URL
- https://www.bepgroup.space/?p=1245&cat=blog ไม่มีคำบ่งบอกเนื้อหา อ่านยากและไม่น่าแชร์
นอกจากนี้ URL ที่ดีควรสอดคล้องกับโทนของแบรนด์ เช่น เว็บไซต์ด้านเทคโนโลยีควรใช้โครงสร้างที่เรียบง่ายและสื่อถึงนวัตกรรม ขณะที่เว็บไซต์เชิงครีเอทีฟอาจออกแบบ URL ที่สั้นแต่มีคีย์เวิร์ดเด่นชัด เพื่อสื่อถึงความชัดเจนของแบรนด์
ตัวอย่าง URL ที่ใช้ในปัจจุบันมีอะไรบ้าง
เพื่อให้เห็นภาพชัดขึ้น มาดูตัวอย่าง URL จากเว็บไซต์จริงในแต่ละประเภท
- เว็บไซต์ข่าวและสื่อ
ใช้โครงสร้างเรียบง่าย ใช้หมวดหมู่หลัก (เช่น news, products) เพื่อบอกประเภทเนื้อหา เช่น
- https://www.bbc.com/news/technology-6895123
- https://www.blog.google/products/search/
- เว็บไซต์องค์กรและเอเจนซี่
มีการแบ่งหมวดชัดเจน เช่น services / products / insight ช่วยให้การนำทางภายในเว็บง่ายขึ้น เช่น
- https://www.bepgroup.space/insight-room/
- https://www.apple.com/th/mac/
- เว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ
ใช้คำบ่งบอกหมวดหมู่และประเภทสินค้าใน URL เพื่อให้ผู้ใช้เข้าใจได้ทันที เช่น
- https://www.nike.com/th/w/mens-running-shoes
- https://www.lazada.co.th/products/smartwatch-2025
การตั้งค่า URL สำคัญอย่างไรต่อเว็บไซต์
ในเชิงเทคนิค URL เป็นทางผ่านของข้อมูล แต่ในเชิงกลยุทธ์มันคือเครื่องมือสร้างประสบการณ์ เพราะ URL ที่ดีมีผลต่อหลายด้าน เช่น
- SEO (Search Engine Optimization): Google ใช้ URL เป็นตัวช่วยวิเคราะห์คีย์เวิร์ดและความสัมพันธ์ของเนื้อหา
- User Experience: URL ที่อ่านง่ายช่วยให้ผู้ใช้มั่นใจว่าเว็บไซต์นี้น่าเชื่อถือ และพร้อมกดเข้าไปดู
- Brand Identity: โครงสร้าง URL ที่สอดคล้องกับภาพลักษณ์แบรนด์ช่วยเพิ่มความเป็นมืออาชีพ
- Analytics: การวางพารามิเตอร์และโครงสร้างที่เป็นระบบช่วยให้ติดตามประสิทธิภาพแคมเปญได้ง่ายขึ้น
ดังนั้นการออกแบบโครงสร้างเว็บไซต์และ URL จึงถือเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้เว็บไซต์มีระบบระเบียบ เข้าใจง่าย และทำงานสอดคล้องกับกลยุทธ์ SEO ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อโครงสร้าง URL ถูกออกแบบอย่างถูกต้อง เว็บไซต์ก็จะทั้งดูน่าเชื่อถือ เข้าถึงง่าย และพร้อมต่อยอดสู่การเติบโตในระยะยาว และ BEP Digital Agency รับทำเว็บไซต์ครบวงจร พร้อมช่วยคุณวางโครงสร้างเว็บไซต์ ออกแบบ URL ให้เป็นมิตรต่อ SEO และสร้างภาพลักษณ์ดิจิทัลที่น่าจดจำ
